วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บุญเท่านั้นที่ต้องรีบทำ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) วัดสะเกศ



" บุญเท่านั้นที่ควรรีบทำไม่ว่าในเวลาไหน   คนที่ยังต้องเกิดแก่เจ็บตาย        
ต้องขวนขวายทำบุญ    คนที่ไม่ประมาทเร่งทำบุญ "


คำกล่าวของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่เกี่ยวข้องกับ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ
" เวลาที่ไปไหว้พระองค์ไหนก็ตาม ถ้าผู้ที่ทำเห็นแล้วจะรู้ได้ เพราะท่านจะมีที่อยู่ของท่านเฉพาะ ถ้าองค์ไหนเราเห็นท่านอยู่ในที่ของท่านแล้วองค์นั้นแหละพระดี ข้อสำคัญต้องทำให้เห็น หรือเวลาแกไปเจอภาพพระองค์ไหนก็ตามเอามือแตะภาพท่านทำใจเฉยๆ ถ้าขึ้น (ปีติ) มาถึงหัวแสดงว่าองค์นั้นดี"
          ผู้เขียนเคยนำรูปของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศไปให้ท่านอธิษฐานจิต พอหลวงพ่อท่านแตะรูปท่านบอกว่า
" องค์นี้เป็นพระดีมีบารมีสูงมากพอกับหลวงพ่อโตวัดระฆัง จะมากกว่าเสียด้วย ถ้าแกไม่เชื่อลองจับดูก็ได้ "  (ขอขอบคุณ และอนุโมทนาบุญท่านเจ้าของข้อมูลครับ)  
          

          สมเด็จพระสังฆราช ที่ครองวัดสระเกศนั้นมีเพียงองค์เดียวในประวัติศาสตร์ไทย นั่นคือ สมเด็จอยู่ (ญาโณทโย) ใช่แต่เท่านั้นเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียวในยุครัตนโกสินทร์ ที่ขึ้นชื่ออย่างยิ่งในด้านโหราศาสตร์ และยังได้รับการยกย่องในด้านนี้แม้กระทั่งปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ท่านสิ้นไป ๓๘ ปีแล้ว

            ที่จริงความสามารถอีกประการหนึ่งของท่าน ซึ่งมักไม่เป็นที่รู้จักก็คือ ความปราดเปรื่องด้านปริยัติธรรมเมื่อครั้งยังป็นพระมหาอยู่นั้น ไม่ว่าจะเข้าสอบแปลพระปริยัติธรรมครั้งใด ไม่เคยแปลกตกเลย ตั้งแต่ประโยคต้นจนประโยคสุดท้าย และที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ยุครัตนโกสินทร์ก็คือ พระมหาอยู่สอบได้เป็นเปรียญ ๙ ประโยคองค์แรกในรัชกาลที่ ๕ จนสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระมหากรุณาธิคุณเป็นพิเศษ ให้นำรถยนต์หลวงมาส่งจนถึงวัดสระเกศ นับแต่นั้นก็เป็นพระราชประเพณีว่า ถ้าพระเปรียญรูปใดสอบประโยค ๙ ได้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้นำรถยนต์หลวง ส่งพระเปรียญรูปนั้นจนถึงสำนัก

             ท่านเป็นที่เลื่องลืออย่างยิ่งในด้านความเมตตา ใบหน้าของท่านจะมีรอยยิ้มแฝงอยู่ด้วยเสมอ ผู้ใดที่เข้าหาก็จะประทับใจกับใบหน้าอันอิ่มเอิบและอัธยาศัยของท่าน และทั้งๆ ที่ท่านเจริญในสมณศักดิ์เรื่อยมา ก็ยังเป็น “หลวงพ่อ” ของชาวจีนรอบวัดไม่ว่าเด็กหรือผู้เฒ่า โดยที่เจ้าประคุณสมเด็จไม่เคยถือยศศักดิ์

             ความไม่ถือยศศักดิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ นั้นเป็นที่กล่าวขานกันมาก ปกติแล้วเวลามีผู้มานิมนต์มักจะเอารถเก๋งมารับเพื่อให้สมฐานะสมเด็จฯ แต่คราวหนึ่งชาวจีนยากจนผู้หนึ่งมานิมนต์ท่านไปฉันที่บ้านเพื่อทำบุญให้แก่บุตรที่ตาย เมื่อท่านกับพระอีก ๔ รูปเดินออกจากประตูวัดสระเกศ ก็ถามจีนผู้นั้นว่าจะไปอย่างไร จีนผู้นั้นก็ตอบว่า “สามล้อครับ” แทนที่จะแสดงอาการไม่พอใจ กลับยิ้ม ท่านว่านั่งสามล้อเย็นสบายดี เห็นความเจริญของบ้านเมืองถนัดดี

             เมื่อไปถึงบ้านจีนผู้นั้น ต้องขึ้นไปเจริญพระพุทธมนต์ชั้นบน เนื่องจากบ้านเล็กและแคบ มีของเก่าวางขายเต็มไปหมด ตอนนั้นท่านอายุกว่า ๘๐ แล้ว บันไดก็ชันมาก ขึ้นลำบาก แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ขึ้นไปจนได้วันรุ่งขึ้นก็ต้องขึ้นไปเจริญพระพุทธมนต์อีก ครั้นถึงเวลาฉันต้องลงมาฉันอาหารในห้องครัวข้างล่าง โต๊ะไม่มีผ้าปู กับข้าวก็มีเพียง ๓ อย่าง คือ แกงเผ็ด แกงจืด และผัดหมี่ ของหวานก็มีผลไม้คือละมุดเพียงอย่างเดียว แถมยังค่อนข้างช้ำและเน่าเสียด้วย แต่ท่านฉันอย่างสบายๆ ไม่ได้มีความรังเกียจอะไรเลย

             ฉันเสร็จ เจ้าภาพก็ถวายปัจจัยแก่ท่านและพระลูกวัด องค์ละ ๓ บาท ใบชาห่อจิ๋วองค์ละ ๑ ห่อ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยิ้มอย่างสบายอีก ท่านพูดว่า คนจน เขาจน เขาอยากจะทำบุญ เขาตั้งใจทำบุญจริงๆ เขามีน้อย เขาทำน้อยดีแล้ว

             บางครั้งไปถึงบ้านผู้นิมนต์ บ้านนั้นยังไม่ได้จัดอาสนะสำหรับพระ เพิ่งจะเริ่มจัดเมื่อท่านไปถึง แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ไม่เคยดุหรือบ่น ยิ้มรอจนเขาจัดที่เสร็จ บางแห่งเจ้าของงานจัดที่ให้ท่านเป็นการพิเศษ เจ้าประคุณสมเด็จฯ บอกว่าอย่ายุ่งยากนักเลย ทำที่สบายๆ เถิด ท่านพูดเสมอว่า “เราแก่แล้ว ทำอะไรไม่สะดวก แต่อย่าทำให้เขาหนักใจ”

             ด้วยความเมตตาของท่าน จึงมีอาคันตุกะมาเยือนทุกวัน การเข้าพบท่านไม่ต้องมีใครพาเข้าพบเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะออกต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เต็มด้วยไมตรีจิตกับคนทุกชั้นที่ไปพบ แม้แต่กรรมกรสามล้อผู้ยากจนกระทั่งขอทาน ท่านพูดเสมอว่าเขามีทุกข์เขาจึงมาพบ ถ้าท่านช่วยเหลือเขาได้ ก็จะสบายใจมาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2283
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น