วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความจริงที่เปิดเผย โดยท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ

        ธรรมะบทนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรรมของสัตว์โลก คัดมาจากหนังสือประวัติของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เขียนโดยพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน

        กราบขออนุญาตและกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ และพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านด้วยดวงใจ กุศลผลบุญใดที่พึงบังเกิดจากธรรมทานนี้ ขอน้อมถวายแด่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ และพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน และจงเป็นบุญเป็นปัจจัยแด่ท่านเจ้าของภาพ และท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธรรมทานนี้ทุกๆ ท่าน

       เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดี ชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์อาจจะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไปเป็นชาติที่ต่ำทราม  ที่
ไม่ปรารถนา

      จะกลายมาเป็นตัวเราเข้า แล้วแก้ไม่ตก ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม ความสุขทุกขั้น จนถึงบรมสุข และความทุกข์จนเข้าขั้นมหันต์ ทุกข์เหล่านี้มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ ถ้าตนทำให้มี อย่าเข้าใจว่ามีได้เฉพาะผู้ที่กำลังเสวยอยู่เท่านั้นโดยผู้อื่นไม่มี
        เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้ทำเองได้ ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน
         เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี-กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
         จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้อย่างที่เราเคยเป็น ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ

        
         ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน สิ่งดีชั่วที่มี และเกิดอยู่กับตนทุกระยะ มีใจเป็นตัวการพาให้สร้างกรรมประเภทต่างๆ จนเห็นได้ชัดว่า กรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งหมด

          กรรมเป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย ถ้าเราสามารถรู้เห็นกรรมดี-กรรมชั่ว ที่ตนและผู้อื่นทำขึ้นเหมือนเห็นวัตถุต่างๆ จะไม่กล้าทำบาปแต่จะกระตือรือร้นทำแต่ความดี ซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ ความเดือดร้อนในโลกก็จะลดน้อยลง เพราะต่างก็รักษาตัวกลัวบาปอันตราย

         ท่านว่าดี-ชั่วมิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยทำบ่อยก็ชินไปเอง เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย ถ้าเป็นฝ่ายชั่วก็แก้ไขยาก คอยแต่จะไหลลงไปตามนิสัยที่เคยทำอยู่เสมอ ถ้าเป็นฝ่ายดีก็นับว่าคล่องแคล่วกว่าขึ้นเป็นลำดับ

        เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องสัตว์มาประพฤติมนุษย์เราจะต่ำกว่าสัตว์และเลวกว่าสัตว์อีกมากมายอย่าพากันทำ ให้พากันละบาปบำเพ็ญบุญทำแต่คุณความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์
        การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม เป็นการศึกษาธรรมะ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับภาวะของตัวเราเอง ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามพุทธภาษิตที่มีว่า กรรม   จำแนกสัตว์  ให้ทราม และประณีตต่างกัน
        กรรม คือการกระทำ ดี-ชั่ว ทางกาย-วาจา-ใจ ผลคือความสุข-ทุกข์  ที่ได้รับกันอยู่ทั่วไป กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักกรรม รู้แต่กระทำคือหากินอยู่ ทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคลและผลกรรมของสัตว์ของบุคคล

        เราจึงควรมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีความเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เช่นเดียวกับเราไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน

     ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์
        สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมี และอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน แต่เขาตกอยู่ในภาวะเป็นสัตว์ก็จำต้องทนรับเสวยไป สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีกรรมและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน

        มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในกำเนิดต่ำ ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น

        เช่นเดียวกับมนุษย์ขณะที่ตกอยู่ในทุกข์จนข้นแค้น ก็จำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน มีสุขบ้างทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย

        มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พามาให้เป็นอย่างนี้ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่างๆ มาจนนับไม่ถ้วน ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่างๆ กัน


        เพราะฉะนั้นไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกันและสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่ว เป็นของๆ ตน

        ทุกท่าน ๆ แน่ใจหรือไม่ว่า บุญที่กำลังให้ผลทำให้ท่านรวยและมีความสุข จะให้ผล ถึงเมื่อไหร่  และอีกนานแค่ไหน  วันนี้คุณทำบุญเพิ่มความดีให้ตัวเองบ้างหรือยัง ถ้ายังคุณกำลังประมาทอยู่ เพราะสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ ท่านเคยสอนว่า บุญเท่านั้นที่ควรรีบทำ ไม่ว่าเวลาใด ถ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน คือยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน สังสารวัฏ ดังนี้
  
       " บุญเท่านั้นที่ควรรีบทำไม่ว่าในเวลาไหน   คนที่ยังต้องเกิดแก่เจ็บตาย
       ต้องขวนขวายทำบุญ                              คนที่ไม่ประมาทเร่งทำบุญ "

       สำหรับท่าน ที่กำลังทุกข์ อยู่อย่าเสียใจและประมาท เร่งทำบุญตามกำลังความสามารถ เพราะเวลานี้เป็นแค่ช่วงเวลาผลกรรมชั่วที่ทำไว้แค่ผ่านมา หมดเวลาของกรรมชั่ว ผล กรรมดีที่เราทำไว้ก็ให้ผลตามวาระเอง อย่าสงสัย
       
       คนเรากรรมดีกรรมชั่วให้ผลตามวาระของเขา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปไม่จบสิ้นจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน คือเป็นพระอรหันต์เท่านั้น จึงสามารถพูดได้ว่าพระนิพพานเป็นสุขแท้จริงหาสุขใดเสมอมิได้ ดังนี้


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=13068&sid=50cf296f1a006a55ed82a677999b1d53
       บุญได้จาก บุญกิริยาวัตถุ 10 , กุศลกรรมบถ 10 ประการ ฯลฯ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น