วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ท่านอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง
ท่านอาจารย์ฟ้อน ท่านจัดได้ว่าเป็นอาจารย์ที่มีชื่อระดับแถวหน้า ท่านมีความสามารถในการจดจำที่ว่องไวและแม่นยำ ท่านสามารถที่ท่องจำบทคาถาอาคมต่างๆจาก ครูอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคม ด้วยการฟังและท่องขึ้นใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว และยังมีวิชาปะสะโลหิต โดยการใช้เลือดท่านที่ทำการเจาะใต้เพดานปาก นำมาใช้สำหรับการลงกระหม่อมให้ กับบรรดาศิษย์ในยุคปลายสงครามโลกครั้งที่สองถึงมหาเอเชียบูรพา ทำมีคุณวิเศษทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาดเป็นอย่างมาก ร่ำลือกันว่าท่านสามารถเสกเบี้ยเงินได้เป็นขัน ไม่ปรากฎแน่ชัดนักว่าท่านเสียชีวิตเมื่อใดเพราะบั้นปลายชีวิตท่านเคยบวชและ สึกออกมาเป็นอาจารย์บ้านอีก คาดว่าท่านน่าจะสิ้นช่วงปลายก่อนเข้า2500 อาจารย์ฟ้อน ดีสว่างนี้จัดได้ว่าไม่เป็นสองรองใครแน่นอนในยุคนั้น
อาจารย์ฟ้อน
เรื่องเล่นแร่ แปรธาตุ ฉกาจลั่น ตูมสนั่น ระเบิดลง ตรงที่หมาย ภัยสงคราม กรุ่นคลุก สู่ยุคปลาย
ต่างหนีตาย ชุลมุน กระสุนปลิว ลงกระหม่อม เสกยันต์ กันภัยเหตุ กันภัยเพท เสกลม อาคมพลิ้ว
ศิษย์เต็มเมือง คลาดแคล้ว เป็นแถวทิว ต่างยกนิ้ว ยอดครูบ้าน ท่านของจริง!(ฌาณรวีร์)
ท่านอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ขณะกำลังทำวิชาสยบงูเห่า ซึ่งตามประวัติกล่าวว่าท่านอาจารย์มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการรักษาพิษงู อย่างยิ่งยวด และเวลาท่านเดินทางไปไหนต่อไหนมักจะนำงูเห่าใส่ตะข้องติดตัวไปด้วยเสมอ ความสามารถเกี่ยวกับการสยบอสรพิษ นี้ได้ถ่ายทอดมายังศิษย์ท่านด้วยไม่ว่าจะ เป็นชั้นลูก อย่างหลวงพ่อหนูและอาจารย์หมอประยูร หรือชั้นหลาน อย่างหลวงพ่อสง่า ท่านเหล่านี้ในยามที่ท่านอยู่ ต่างเป็นที่พึ่งช่วยชีวิตบรรดาชาวบ้าน ผู้ตกอยู่ในอันตรายจากพิษของสัตว์ร้ายมานับรายไม่ถ้วน โดยเฉพาะหลวงพ่อหนูแล้ว วัดบึงพระอาจารย์ในสมัยท่านยังอยู่นั้น ท่านพระครูเจ้าอาวาสเล่าว่าแทบจะมีสภาพไม่ต่างจากโรงพยาบาลเลยทีเดียว เนื่องจากในแต่ละวันจะมีผู้ได้รับทุกขเวทนามารอรับเมตตาจากท่านมากมาย ซึ่งหลวงพ่อหนูก็ได้สงเคราะห์โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เว้นแม้แต่บรรดาชาวไทยมุสลิมซึ่งมีอยู่มากมายในย่านนั้นสายวิชานี้ ศักสิทธิ์เกินกว่าจะบรรยายครับ.....
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น