วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความสุขความเจริญ และ คุณพระบิดาคุณพระมารดา

                                            

 กตัญญู-กตเวที  คุณธรรมแห่งความสุขความเจริญ             
              เรื่องพระคุณพ่อแม่นั้นเรื่องลูกนั้น ยังทันสมัยทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยจืด ไม่เคยเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ทุกยุคทุกสมัย อาถรรพ์ร้ายจะติดตามผู้เป็นลูกถ้าทำให้ท่านเสียใจ และสิริมงคลย่อมเกิดขึ้นแก่ลูกถ้าลูกกตัญญูกตเวทีต่อท่าน เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ เรื่องลูกๆ แม่ๆ พ่อๆ นี่ มันศักดิ์สิทธิ์ตลอดอนันตกาล เพราะ อำนาจจิตที่คิดดีต่อลูกมันมีมาก เมื่อลูกรู้คุณก็มีบุญทันตา ถ้าลูกเนรคุณก็มีผลชั่วช้าน่าหวาดเสียว
                    อาตมาอยากจะบอกอย่างนี้นะคุณโยม ลูกที่อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่มากเกินไป หากไม่ระวังจิตขาดสติเพราะคุ้นเคยกับท่านมากเกินไป พอด่าก็ด่า พอดุก็ดุ พอพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำได้ก็พูด ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าเจ็บใจขนาดไหน เห็นท่านไม่ตอบโต้ นึกว่าท่านไม่เป็นไร ให้อภัยเราได้คงไม่ว่าอะไร ที่แท้ท่านก็แอบกล้ำกลืนน้ำตาอยู่ในห้องนอนคนเดียวก็มี อยู่ ใกล้พระอรหันต์ไม่เห็นคุณของพระอรหันต์... อยู่ใกล้พระพรหมไม่เห็นคุณของพระพรหม... อยู่ใกล้พระเทพไม่เห็นคุณของพระเทพ... อยู่ใกล้พระอาจารย์ไม่เห็นคุณของพระอาจารย์... น่าหวาดเสียวนะ อยู่ใกล้ท่านแล้วขาดสติ เพราะล่วงเกินกับท่านครั้งหนึ่ง บาปยิ่งกว่าล่วงเกินคนอื่นสิบครั้งยี่สิบครั้ง คนอยู่ใกล้พ่อแม่จึงมีคุณยิ่งใหญ่ และก็มีโทษมหันต์ด้วย ถ้าระวังตัวก็จะมีคุณบุญบารมียิ่งใหญ่ ถ้าไม่ระวังใจก็จะมีบาปมหันต์เช่นเดียวกัน
                การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นี้ยากเหลือเกินจะให้ หมดสิ้น เพราะเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่าแม้นบุตรธิดาใดแบกพ่อแม่อยู่บนบ่าทั้งสองซ้ายขวา ให้อุจจาระปัสสาวะรดราดบนบ่า ป้อนข้าวป้อนน้ำอย่างดีไม่ให้ลำบาก มอบรัตนะคือแก้ว ๗ ประการ มอบสมบัติในแผ่นดินให้พ่อแม่ครอบครองดูแลอย่างนั้นตลอด ๑๐๐ ปี ก็ไม่สามารถจะตอบแทนบุญแทนคุณของท่านให้หมดสิ้นได้ เพราะบุญคุณของท่านยิ่งกว่านั้นอันนี้คือข้อเปรียบเทียบ ก็ไม่มีใครหรอกจะแบกพ่อแบกแม่ไว้บนบ่าใช่ไหมโยม แต่ท่านเปรียบเทียบว่า อย่าว่าแต่เลี้ยงดูธรรมดาเลย ให้ไปไหนมาไหนถ้าท่านขี่อยู่บนบ่านั่งอยู่บนบ่า ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำให้เราต้องลำบากขนาดนั้น ก็ตอบแทนบุญคุณของท่านไม่หมด

                 แต่ว่าถ้าอยากจะตอบแทนบุญคุณของท่านให้หมด ก็คือ ผู้เป็นลูกที่ได้บวชเรียนเขียนอ่านศึกษาธรรมนั้น ขอให้แนะนำพ่อแม่ที่ไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธาเชื่อบาปบุญคุณโทษ ท่านไม่รู้จักให้ทาน ก็แนะนำเหตุผลให้ท่านรู้จักทำบุญให้ทาน ท่านไม่รู้ไม่มีปัญญา ก็แนะนำชี้แจงบอกแนวทางให้ท่านรู้ให้ท่านเข้าใจ

                 ส่วนลูกที่เกิดมาแล้วมีพ่อแม่รักเป็นห่วงมาก แต่กลับทำลายพ่อแม่ เนรคุณพ่อแม่ อนาคตก็จะไปเกิดในท้องแม่ใจยักษ์ ใจมาร ใจเหี้ยมโหด ไร้ความเมตตาปราณี ส่วนในชาตินี้ก็จะเจอ แฟนที่ไม่ดี..... เจอ ลูกที่ดื้อด้าน..... ทำการงานก็มีแต่เรื่องร้อนใจ ลงทุนอย่างไรก็ไม่มีกำไรเลยคำสาปอยู่ในตัวเราเสมอเพราะทำให้พ่อแม่นั้นช้ำใจ

                     เมื่อวันก่อน คุณโยมท่านหนึ่งมาหาอาตมา บอกว่าอยากให้ลูกบวชเพราะอายุครบ ๒๕ ปีแล้ว เป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไร ลูกขอรถคันที่ ๑ ก็ให้คันที่ ๒ ก็ให้ ผลาญสมบัติของพ่อแม่เยอะแล้ว เที่ยวเตร่เฮฮาสนุกสนาน ให้บวชก็ไม่รับปาก มีโอกาสวันเกิดเลยมาเลี้ยงอาหารเพล อาตมาก็เลยถามว่าลูกชาย จำได้ไหมตอนนี้ใครรักเราที่สุด ?... ลูกชายคุณโยมท่านนั้นก็บอกว่า ย่า แม่ และคุณตาครับ... คนที่รักเราที่สุดนั้น เราทำอะไรให้คนที่รักเราได้ชื่นใจบ้าง ? เพื่อนฝูงที่จูงเราไปเที่ยวเตร่เฮฮาสนุกสนาน เพื่อนคนนั้นช่วยเหลืออะไรเราไว้บ้างหรือยัง เพื่อนฝูงถือว่ามีคุณความดีแก่เราน้อย แต่ผู้ที่มีความรักมีบุญคุณยิ่งใหญ่ เราไม่ทำตามท่านซะบ้างเลยรึ กราบแม่ดูซิ กราบย่าดูซิ กราบเป็นไหม

                   ลูกชายคุณโยมท่านนั้นก็เลยกราบแม่ และก็กราบย่า ทำให้น้ำตาเจ้ากรรมของแม่หลั่งไหลออกมา ก็ความดีนั่นแหละโยมท่านเอ๊ย จิตใจมันสะทกสะท้านหวั่นไหวนะ น้ำตาหลั่งไหลก็เพราะความดีที่ลูกมากราบมาไหว้ มาขอโทษแม่ซะ..... ขอโทษย่าซะ..... ถ้าสิ่งใดลูกล่วงเกิน ทำอะไรสักอย่างให้คนที่รักเราได้ชื่นใจตอนท่านมีชีวิตหน่อยได้ไหมลูก..... ก็ยังไม่ได้ยินเสียงรับปาก..... แต่พอ ๓ วันต่อมาก็ปรากฏว่า แม่ส่งข่าวมาว่าลูกจะบวชให้แล้ว.....สาธุ.....
         ฉะนั้น เมื่อลูกได้ทำ ได้พูด ได้คิด ล่วงเกินพ่อแม่ ทำบาปกับพ่อแม่ ซึ่งมันจะมีอิทธิพลทำให้ชีวิตมืดบอด แต่งงานมีลูกหลานๆ ก็จะพาลต่อเราอีก กรรมมันต่อเนื่อง ที่เราทำกับพ่อกับแม่อย่างไร ผลก็มาถึงเราหลายสิบเท่า จะต้องทุกข์ลำบากหนักใจร้อนใจเพราะลูกของตน หรือเพราะแฟนของตนเองอีก ฉะนั้น อิทธิพลของการทำบาปกับพ่อแม่นั้น มีอิทธิพลส่งผลยาวนาน ยิ่งพ่อแม่เสียใจช้ำใจมากเท่าไหร่ ลูกคนนั้นก็จะมี อาถรรพ์ชีวิตติดตามไม่จืดจางเลยชาตินี้ทั้งชาติ แม้จะมีฐานะดีเพียงใด แม้จะรุ่งเรืองในทรัพย์สมบัติเกียรติยศเพียงใด แม้จะมีอำนาจเพียงใด แต่พลังแห่งความมืดก็ไม่เคยทิ้งบุคคลนั้น มักจะมีเรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจ เจ็บใจช้ำใจอยู่เป็นประจำ อิทธิพลของการทำกับพ่อแม่นั้น ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเสื่อมจากโลกไม่ว่ายุคไหนสมัยใด

ถ้าลูกคนไหนรู้ว่าพ่อแม่รักมาก ดูแลมาก เอาใจมาก แล้วลูกก็พูดดี ทำดี คิดดี กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่มาก ลูกคนนั้นก็จะประสพผลทันตาในสิ่งที่ดีที่เจริญ แม้นจะจนจะยาก จะร่ำจะรวยก็มีความสงบสุข จนก็พออยู่ได้ รวยก็ไม่มีใครมาทำให้ร้อนใจ ชีวิตจะอบอุ่นจะซึ้งใจสบายใจ นี้คืออิทธิพลของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ลูกได้ทำกับท่าน เพราะฉะนั้น วันนี้ตั้งใจมาพูดเรื่องนี้โดยตรง เรื่องธรรมะอื่นๆ พูดมานานแล้วขอหยุดไว้นะโยม เรื่องพ่อแม่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่จริงๆ การเนรคุณมีอำนาจพอที่จะทำให้ลูกวิบัติ มีอำนาจพอที่จะทำให้โลกนี้เดือดร้อนปั่นป่วน หากใครฆ่าพ่อแม่มาก่อนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอย่างไรก็บรรลุธรรมไม่ได้
                   สมัยพุทธกาลมีมาณพผู้หนึ่งชื่อ รามาณพ เป็นผู้เลี้ยงบิดามารดาด้วยความกตัญญูยิ่ง ต่อมาในหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีฝนตกหนักมาก เหมือนฝนที่โดนสาปคือฝนตกไม่หยุดไม่หย่อน น้ำท่วมท้นในหมู่บ้านนั้น ชาวเมืองร้อนใจวุ่นวายกันไปหมด แต่สำหรับรามาณพปลอดภัย เพราะเทวดาอดรนทนไม่ได้ด้วยความเมตตาสงสาร จึงบันดาลให้มีเรือ แล้วก็พาไปส่งให้ข้ามพ้นจากภัยพิบัติในเมืองนั้น

              ในยามภัยพิบัติอะไรเกิดขึ้นเพราะกรรมของคนหมู่ใหญ่ คนซึ่งมีความกตัญญูกตเวทีจะมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้วเขาจะ ปลอดภัย เขาจะไม่ถูกภัยพิบัตินั้นครอบงำ นี้คืออิทธิพลของการดูแลบิดามารดา มีอิทธิพล มีอำนาจ มีอานุภาพยิ่งใหญ่จริงๆ เป็น เกาะแก้วกำแพงบุญคุ้มครองบุคคลนั้นอย่างยิ่งใหญ่ไพศาลอย่างน่าอัศจรรย์ แต่คนที่เนรคุณพ่อแม่นั้น ถึงจะเจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุขขนาดไหนในปัจจุบัน ก็จะต้องถึงซึ่งความพินาศและประสพสิ่งที่ร้อนใจไม่มีหยุดเลยในภายหลัง

                ฉะนั้นมาพูดถึงพระคุณพ่อแม่ พ่อแม่นั้นทำความดีต่อลูกมาก พ่อแม่บางคนเป็นเทพเจ้าของลูก บันดาลช่วยลูกทุกสิ่งทุกอย่าง โอบอุ้มคุ้มครองให้ลูกมีความสุขที่สุด รักลูกมากช่วยลูกมาก ลูกก็ดีมาก แต่ลูกบางคนลูกเจ้ากรรมแต่ครั้งไหน พ่อแม่ทำบาปอะไรหนอ รักลูกมากช่วยลูกมาก แต่ลูกกลับทำแต่ความชั่วให้พ่อแม่ต้องร้อนใจไปตลอด โลกเอ๋ยโลกวัฏฏะสงสารน่าสะพรึงกลัว ควรจะเข็ดหลาบ

              เพราะลูกทำให้พ่อแม่เสียใจหนักใจเข้า ลูกก็รับกรรมต่อเนื่องไปถึงลูกของลูก ลูกของลูกไม่สิ้นสุด ยิ่งใหญ่จริงๆ อิทธิพลของบาปที่ทำกับพ่อแม่ ตอนไหนที่พ่อแม่น้ำตาตกเพราะความชั่วของลูก ลูกจะต้องถูกภัยพิบัติที่น่าหวาดเสียว เหมือนมี คำสาปอันร้ายแรงต่อชีวิต เราไม่มีบุญมีแต่บาปติดตามไป เกิดชาติไหนๆ ก็ระทมทุกข์ ด้วยกรรมจุดนี้เองทำให้เราเวียนเกิดเวียนตายในตระกูลต่ำช้าบ้าง เกิดกับท้องแม่ที่ใจยักษ์ใจมารบ้าง เกิดในสถานที่สิ่งแวดล้อมไม่ดีบ้าง

                 โทษแห่งการหันหลังให้พระ หันหลังให้ธรรมะ ไม่อ่านธรรมะ ไม่ฟังธรรมะ มีอิทธิพลให้จิตมืดบอด ทำบาปหนักหนาสากรรจ์ และก็ต้องรับผลในปัจจุบันและอนาคต ทำบาปแบบสนุกสนานไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปล่อยให้พ่อแม่ลำบากยากแค้นแสนเข็ญ แต่ลูกบางคนมีบุญ ติดเหล้าติดยา พอฟังธรรมะแล้วก็กลับตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ คือพ่อแม่ทะนุถนอมมาก ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถนอมดังลูกแก้ว เติบโตมาแล้วเอาร่างกายไปเสพยาม้า ยาบ้า เหล้า ฝิ่น กัญชา บางคนติดกาวเป็นสิบๆ ปี ตอนนี้ก็มีพ่อแม่ที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร อ่อนอกอ่อนใจ เราดูแลลูกอย่างดี แต่ลูกไม่ดูแลสมบัติของพ่อแม่ให้เลย

                 มีโยมผู้ชายคนหนึ่งฟังเทศน์เรื่องนี้แล้ว ก็ปฏิญาณเลิกเหล้า และตัวเองก็มีลูกแล้ว จะเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก เคยดื่มเหล้าเมายาสนุกสนานเพลิดเพลินจนหมดเงินหมดทอง จนไม่รับผิดชอบครอบครัว ทำให้คนอื่นดูถูก พอเราเลิกได้ลูกก็เคารพยำเกรงเรา พ่อแม่ก็ชื่นใจกับเรา แสดงว่า โยมผู้ชายคนนั้นมีบุญนะ ถ้าไม่มีบุญคงไม่มีโอกาสที่จะมาฟังธรรมะ หลายคนที่มีบุญเก่าเยอะ เกิดเป็นคนมีบุญพร้อมที่จะเป็นคนดีแต่ว่าสิ่งแวดล้อมยั่วยุมัวเมา เพื่อนฝูงจูงไปลงสู่ที่ต่ำมากมายเหลือเกิน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็พลอยเป็นคนชั่วไปด้วย แต่พอมีโอกาสฟังธรรม ได้เห็นผู้ปฏิบัติธรรม ก็กลับใจมาทำดี แสดงว่าเขามีบุญอยู่ แต่ว่าขาดมิตรที่ดีก็เลยหลงทาง พอพบกัลยาณมิตรเลยหูตาสว่าง
                   
                โยมนั่งนึกดีๆ ซิ !! ชาตินี้ชาติเดียวเกิดมาทำดีแล้วดีเลย ชั่วแล้วชั่วเลย การทำความดีไว้กับตัวเองมากๆ ไว้กับพ่อแม่มากๆ ชื่อว่าเรารักษาสมบัติของพ่อแม่ไว้ได้อย่างดี พ่อแม่ก็ได้บุญด้วย นึกย้อนหลังแล้วชื่นใจ แม้นอาตมาเองก็ชื่นใจกับตัวเองที่ได้บวชทำให้พ่อแม่สบายใจ ชื่นใจกับบุญที่ตัวเองไม่หลงทางไปในทางผิด และก็ชื่นใจกับลูกบางคนที่กำลังบวชให้กับพ่อแม่ตอนนี้ บางคนกำลังเลี้ยงดูพ่อแม่ตอนนี้ ขอให้คุณโยมเดินทางถูกแล้วประคองบุญไว้อย่าให้ตกหายคลายจากกุศลธรรม

                  แต่ถ้าเราทำตัวเสเพล สำมะเลเทเมา ดื่มเหล้าเมายา สูบยาฝิ่น กัญชา ทำร้ายตัวเองไม่รับผิดชอบครอบครัว นึกย้อนหลังแล้วมันมีแต่เรื่องแห้งใจ เศร้าใจ เสียใจ แต่ไม่สายเกินไปถ้าเราปรับตัวก่อนตาย ถ้าไม่ตายซะก่อนยังไม่สายเกินไป ยังแก้ไขสถานการณ์ทัน บางท่านบางคนตอนนี้กำลังทำให้พ่อแม่น้ำตาตกหลั่งไหลริน แต่พ่อแม่ก็ยังไม่สิ้นความรักลูก บางทีลูกมีเงินดื่มเหล้าเมายา ลูกมีเงินซื้อของต่างๆ กิน ของต่างๆ ใช้ ลูกมีเงินไปเที่ยวผู้หญิงตามบาร์ตามคลับ ซ่องโสเภณี แต่ไม่มีเงินให้คุณพ่อคุณแม่เลย น่าเศร้าใจไหม !

                การที่เราได้อัตภาพได้ร่างกายเป็นมนุษย์บุญนักหนา เราไม่ควรลืมบุญเก่า ไม่ควรทับถมตัวเอง ไม่ควรเหยียบย่ำตัวเอง ควรประคองบุญเก่า ให้บุญเก่าหนุนหลังให้มีบุญใหม่ยิ่งขึ้นไป
มีน้อยควรให้น้อย มีมากควรให้มาก

วันหนึ่งอาตมาได้มีโอกาสคุยกับโยมแท็กซี่ท่านหนึ่ง โยมแท็กซี่พ่อแม่อยู่ไหม ?... อยู่ครับ... อยู่ที่ไหน ?... อยู่ร้อยเอ็ดครับ... ส่งเงินให้ท่านบ้างหรือเปล่า เดือนละห้าร้อยก็ยังดี ?... ท่านครับ ผมต้องดูแลเมียต้องดูแลลูก แค่ใช้เองก็เกือบจะไม่พอแล้วครับ..... อืม !! ถ้าแม่พ่อคิดกับลูกอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ ลูกคงไม่โตขนาดนี้แน่ๆ แต่แม่พ่อกลับคิดอีกอย่าง เรายังไม่ได้ทานไม่เป็นไร เพราะอดได้โตแล้ว ต้องให้ลูกทานก่อนกินก่อน ซื้อขนมอะไรมา มีของอะไรดีต้องแบ่งให้ลูกก่อน พอลูกได้กินอร่อยก็ชื่นใจอิ่มไปด้วย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคี้ยวสักคำ

มีน้อยควรให้น้อย มีมากควรให้มาก การที่จะไม่ให้พ่อแม่นั้นไม่ดีเลย พ่อแม่เป็นต้นทุนบุญกุศล เป็นต้นกำเนิดเกิดชีวิต และยิ่งให้สิ่งของแก่พ่อแม่ก็เหมือนบูชาพระอรหันต์ ก็ยิ่งเหมือนทำบุญกับพระอรหันตเจ้า เพราะท่านเป็น ทักขิเณยบุคคลเป็นบุคคลผู้ควรรับสิ่งของที่ลูกนำมาให้นำมาบูชา ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองไปในเบื้องหน้า ถ้าเรากตัญญูด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ ทำบุญกับท่านอานิสงส์ไว

อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกบางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าท่านช่วยจริงไม่จริงก็ไม่รู้ เพราะว่ามองไม่เห็น แต่ก็บนบานศาลกล่าวกันไป แต่ถ้ามาบ่นต่อหน้าพ่อแม่ พ่อแม่มีแล้วยกให้หมด พ่อแม่จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดในโลก สาเหตุที่แม่พ่อเลี้ยงลูกหลายคนได้ แต่ลูกเลี้ยงแม่พ่อคนเดียวไม่ได้ ก็เพราะลูกห่างธรรมะ ห่างนักปราชญ์บัณฑิต ก็เลยไม่สะกิดใจให้รู้คุณ มีลูกเลี้ยงลูก มีเมียเลี้ยงเมีย มีเพื่อนเลี้ยงเพื่อน แต่ไม่เลี้ยงแม่ไม่เลี้ยงพ่อ เพราะคิดว่าถึงอย่างไรท่านคงจะหากินเองได้ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ
๑๒ เดือนมาเยี่ยมพ่อแม่ ๒ ครั้ง

อาตมาได้เข้าไปถามคุณตาท่านหนึ่ง คุณตามีลูกกี่คน ?... อ๋อ ! มีลูก ๗ คนครับ... แล้วลูกไปไหนกันหมด ?... โอ๊ย ! มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไปอยู่กรุงเทพฯ ก็มี ไปอยู่ในตัวเมืองก็มีครับ... เคยมาเยี่ยมบ้างไหม ?... ก็มาครับ สงกรานต์มาที ปีใหม่มาที..... โอ้โห !! คุณโยม ๑๒ เดือนมาเยี่ยมสองครั้ง ก็ยังดี ดีกว่าไม่มา ... แต่ถ้าไม่มาส่งเงินมาให้บ้างไหม ?... ก็ไม่ได้ส่งมาให้หรอกครับ ไม่เป็นไรหรอก โยมพอเดินได้ พอทำงานได้ก็รับจ้างเลี้ยงชีวิตไป ขอให้ลูกเขาปลอดภัยโชคดีเถอะครับ ผมพอช่วยตัวเองได้ อยู่กับยายสองคน รับจ้างกันไป ดูแลกันไป อือ ! พอป่วยทีไม่มีใครดูแล ก็โทรศัพท์บอกลูก ลูกก็มา เขามาไม่ได้เขาก็ส่งเงินมาครับ
เออ !! ก็ยังดีนะโยม แต่มันดีน้อยนะ มันควรจะได้บุญมากยิ่งกว่านี้ พ่อแม่เลี้ยงลูกวันละกี่ครั้ง เอาใจวันละกี่หน แต่ว่า ๑๒ เดือนหรือ ๑ ปี ลูกมาเอาใจแม่มาเอาใจพ่อ ๒ ครั้งเองนะ

ลูกบางคน ๕ ปี ยังไม่เคยไปเยี่ยมแม่เลย ไม่เคยส่งเงินให้แม่สักร้อยสองร้อยเลย แล้วชีวิตนี้จะรุ่งเรืองได้อย่างไร ? พ่อแม่เลี้ยงลูกหลายคนได้ แต่ลูกเลี้ยงพ่อแม่คนเดียวไม่ได้ เพราะไม่คบบัณฑิต เพราะทิ้งธรรมะหันหลังให้พระเสียแล้ว แต่ไปหันหน้าให้ดวงแก้ว แก้วเหล้า นึกถึงแม่ แม่คนเดียว แม่ไหน แม่โขงไปโน่น แล้วชีวิตนี้จะประเสริฐเป็นมงคลได้อย่างไร ? ยามประสพทุกข์อุปสรรคอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย แล้วใครจะช่วยเรา ขนาดพ่อแม่รักเราที่สุด เรายังไม่ดูแลท่าน แล้วจะให้คนอื่นๆ ที่ไหนเล่ามาดูแลท่านทั้งสอง ขอฝากไว้กับลูกผู้มีบุญที่มีลมหายใจอยู่ทุกท่านด้วย ณ โอกาสนี้

ดวงใจแม่

              โยมลูกชายท่านหนึ่งชื่อ ดวง เป็นลูกที่ดีของแม่มาตลอด แต่พอไปเรียนในตัวเมืองห่างเหินแม่ ก็เสียคน ติดเพื่อน ดื่มเหล้าเมายามอมแมม เล่นการพนัน ผลาญสมบัติแม่ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม่ทุกข์ลำบากเป็นคนจน ขายนาขายไร่เพื่อส่งลูกเรียน แต่กลับทำให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจจนแม่ล้มป่วยลงแล้วก็สิ้นใจ เมื่อเจ้าดวงได้ยินข่าวกลับไปเห็นเท่านั้นแหละ จึงสำนึกได้ !! เพื่อนฝูงมีได้ง่ายขอให้มีเงิน พอหมดเงินเพื่อนก็เมิน หรือมีแต่เพื่อนจูงไปทำชั่วทำบาปลงนรกนั้นง่าย เมื่อแม่สิ้นแล้วไม่มีแม่คนที่สองอีก มารู้ซึ้งถึงคุณว่าท่านเป็นคนสำคัญก็ต่อเมื่อท่านสิ้นชีวิตแล้ว

              ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้กล่าวตักเตือนก็ กระโชกโฮกฮากกับแม่ เพราะทำอย่างไรแม่ก็ไม่โกรธ ขออย่างไรแม่ก็ให้ แต่ส่วนลูกนั้นไม่ได้ทำอะไรให้ถูกต้องตามหน้าที่เลย จิตใจตอนที่มืดบอดนั้น ลืมจริงๆ ลืมความหวังดี ลืมความปรารถนาดีของแม่เสียจนหมดสิ้น หมดอย่างอื่น รถพัง จักรยานพัง บ้านพัง เราก็ใช้ความสามารถหาของใหม่มาทดแทนได้ แต่แม่นั้นมีเพียงคนเดียวหมดแล้วหมดเลย จะหาใครมาทดแทนได้

           พอแม่สิ้นชีวิตแล้วจึงสะอึก !! น้ำตาเจ้ากรรมลูกผู้ชายอกสามศอกจึงหลั่งไหลริน ว่าเราชั่วช้าเสียเหลือเกิน !! แม่คงเป็นทุกข์มาก ทุกข์จริงๆ นอนตายตาไม่หลับเป็นแน่ !!

                  นอกจากนี้แล้วแม่ยังเขียนตัวหนังสือติดไว้ที่หมอนที่ลูกเคยหนุนว่า......... “ดวงใจแม่” ......... ชั่วขณะตอนแม่นอน แม่กอดหมอนใบนั้น คือ แม่ยังนึกถึงลูกตลอด เมื่อไหร่ลูกจึงจะเป็นคนดี จนขาดใจตาย เจ้าดวงลูกชายเลยเลิกเรียนเมื่อแม่สิ้นใจ แล้วก็ไปขอบวชกับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ทุกวันทุกคืนนึกแต่ขอโทษแม่ สวดมนต์ไหว้พระกรวดน้ำขอโทษแม่ เพราะน้ำตาแห่งความรู้ซึ้งถึงคุณ สำนึกในบุญคุณ เป็นเหตุกระตุ้นเตือนจิตตนเองให้ทำความดี
              นี้คือความจริง บาปเป็นตราประทับในใจไม่ลืมเลือน หมดแล้วหมดเลยหาคนอื่นมาแทนพ่อแม่ไม่ได้ หาเพื่อนหามิตรหาสหายหาง่าย แต่หามิตรแท้เหมือนแม่เรานั้นหายาก ท่านใดที่ยังมีแม่พ่อรักที่สุดอยู่ หากทำให้ท่านเสียใจแล้วบาปนั้นจะประทับอยู่ในดวงจิตนี้ ยากที่จะลืมเลือน มันจะเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงดวงจิตให้เจ็บตลอด ว่าเราหนอเป็นลูกทรพี ! ว่าเราหนอเป็นลูกเนรคุณ ! ว่าเราหนอทำตัวเหมือนกับไม่ใช่ลูกแม่ซึ่งท่านรักเราที่สุด กลับทำแต่เรื่องร้ายๆ ร้อนๆ ให้ท่าน ! ตอนนี้ลูกบางคนชั่ว บางคนไม่ดีนั้น ไม่ใช่อะไร บางครั้งเค้าอยากทำดี อยากพูดดี อยากเป็นคนดี แต่สิ่งแวดล้อมเพื่อนฝูงจูงไปมากมาย เลยอดทนไม่ไหวต้องพลอยเป็นคนชั่วไปกับหมู่เพื่อนนั้น

สมเด็จโปรดคุณนาย

            คุณนายท่านหนึ่งเลี้ยงแม่ทิ้งๆ ขว้างๆ ตัวเองอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตรโหฐาน ส่วนแม่อยู่บ้านหลังสับปะรังเค แต่พอได้ สมเด็จโตท่านให้สติเตือนจิตสะกิดใจว่า

สมเด็จ :       โยมถวายอาหารพระทุกวันไหม ?

คุณนาย :      ถวายทุกวันเจ้าค่ะ

สมเด็จ : ... ไม่ ... อาตมาไม่ได้หมายถึง พระพุทธรูปแต่หมายถึง แม่น๊ะ โยมมีแม่ไหม ??

พอได้ยินอย่างนั้น คุณนายสะอึก !! พูดไม่ออก

สมเด็จ :    อาตมาได้ยินข่าวว่าโยมมีแม่ แต่โยมไม่ค่อยดูแลให้ดี ทิ้งขว้างท่านอยู่ตามลำพัง แต่โยมมาถวายอาหารให้อาตมาฉัน ซึ่งเป็นพระนอกบ้าน อาตมาหลงมานาน ถ้าอาตมาทราบตั้งแต่ตอนแรก อาตมาคงฉันข้าวโยมไม่ลงเพราะอาตมาเอาเปรียบพระในบ้านมากเหลือเกิน ถ้าโยมไม่มาถวายอาหารให้อาตมา คนอื่นก็ยังมาถวาย......... แต่แม่นั้นถ้าโยมผู้เป็นลูกไม่ให้ แล้วใครเล่าจักให้ ผู้เป็นลูกที่แม่ดูแลเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็กเล็กจนเติบใหญ่ เราได้นอนอยู่ในท้องแม่เก้าเดือน แม่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ปานนั้น เมื่อลูกไม่ดูแลแม่ แล้วใครเล่าในโลกนี้เขาจะมาดูแลแม่เรา

               คุณนายกราบไม่ถึงสามทีเหมือนทุกครั้ง กราบทีหนึ่ง แล้วลากลับบ้านเลย ต่อมาไม่เคยเห็นมาหาเจ้าประคุณสมเด็จอีก จนกระทั่งเจ้าประคุณสมเด็จมรณภาพไป
               แต่แม้นจะไม่ได้กลับมาถวายอาหาร แม้นไม่ได้กลับมาที่วัดที่สมเด็จอยู่ ก็มีคนข้างบ้านมาบอกให้หลวงพ่อสมเด็จได้ทราบว่า คุณนายได้รับแม่มาเลี้ยงดูในบ้านอย่างสุขสบายแล้ว เท่านี้เองสมเด็จท่านก็ชื่นใจ.....สาธุ.....

               อาตมาได้ยินข่าวอย่างนี้ก็ชื่นใจ ดีนะที่สมเด็จท่านรู้จักให้ธรรมทาน แนะนำกล่าวในสิ่งที่ควรกล่าว ถ้าเกิดท่านเห็นแก่หน้า ถ้าเกิดท่านพูดไปกลัวโยมจะไม่มาอุปัฏฐาก พูดไปแล้วกลัวโยมจะโกรธเคือง ไม่มาจังหัน ไม่มาถวายอาหาร ไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอก ไม่กล้าแนะนำ ถ้าท่านคิดอย่างนั้น โยมคุณนายก็คงไม่ได้สร้างความดีอันยิ่งใหญ่ให้กับตนเองเลย ก็คงจะทิ้งขว้างแม่อย่างนี้ต่อไป แต่บังเอิญเดชะพระบารมี หลวงพ่อสมเด็จท่านไม่เห็นแก่อามิส ไม่เห็นแก่ลาภสักการะ แต่ท่านมุ่งที่จะให้คุณธรรมเกิดขึ้นแก่โยม จะได้ทำดีไม่ผิดทาง ตนเองก็จะได้ไม่ถูกนักปราชญ์ติเตียนว่าเป็นคนเนรคุณ ชีวิตก็จะเจริญไปในเบื้องหน้า นี่อาตมาก็อนุโมทนากับคุณนายคนนั้นด้วยที่เลี้ยงแม่อย่างดีนะ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก   http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4464


 ภาพจาก การประกวดหัวข้อ "ความรักและความผูกพันของคุณแม่" ภาพชื่อ "สายใยแห่งรัก" ของหรรษา ตั้งมั่นภูวดล ได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นภาพแม่ป้อนข้าวลูกสาวที่พิการอยู่บนพื้นภายในบ้านหลังเล็ก


ภาพจาก การประกวดหัวข้อ พระคุณของคุณพ่อ" ภาพ"อุ่นใจ" ของ น.ส.พิชชาพร พฤกษ์รัสมีพงศ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นภาพลูกสาวใส่ชุดนักเรียนหลับอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่ออย่างอบอุ่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น